ปีนี้นับเป็นวาระครบรอบ 75 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-อินโดนีเซีย และครบรอบ 70 ปีการประชุมบันดุง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา กิจกรรมแลกเปลี่ยนสื่อมวลชนรุ่นใหม่จีน–อินโดนีเซีย "Dialogue with the World" จัดขึ้นอย่างสำเร็จที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีสำนักงานสารสนเทศของรัฐบาลประชาชนเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีน และสถานีโทรทัศน์แห่งชาติอินโดนีเซีย (TVRI) เป็นเจ้าภาพ ร่วมด้วยศูนย์การสื่อสารระหว่างประเทศกว่างซี (Guangxi Daily) สถานีวิทยุและโทรทัศน์กว่างซี และหนังสือพิมพ์อินหัวเดลี่ของอินโดนีเซีย (Harian In Hua) เป็นผู้จัดงาน ผู้แทนเยาวชนเกือบ 100 คนจากสื่อมวลชน ภาคธุรกิจ มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของทั้งสองประเทศได้เข้าร่วมงาน เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองจากมิติของคนรุ่นใหม่ พูดคุยถึงมิตรภาพและร่วมกันมองอนาคตข้างหน้า
ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีผู้แทนเยาวชนจำนวน 11 คนจากสื่อต่าง ๆ เข้าร่วม เช่น สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอินโดนีเซีย ศูนย์การสื่อสารระหว่างประเทศกว่างซี (Guangxi Daily) สถานีวิทยุและโทรทัศน์กว่างซี สถานีโทรทัศน์อินโดนีเซีย EL JOHN TV รวมถึงสถาบันวิจัยและสถาบันการศึกษา เช่น ศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์และความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสำนักงานวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติอินโดนีเซีย (BRIN) และมหาวิทยาลัยกว่างซี ขณะเดียวกันยังมีภาคธุรกิจเข้าร่วม ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุงของบริษัท China Railway Group ประจำอินโดนีเซีย บริษัท SAIC -GM- Wuling Automobile อินโดนีเซีย บริษัท Alibaba บริษัท Guangxi Daring Technology จำกัด และบริษัท Indonesia Sari Technology จำกัด ผู้แทนทั้งหมดได้ร่วมสนทนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างโปร่งใสและลงลึก เข้มข้นและเน้นภาคปฏิบัติ โดยครอบคลุมประเด็นสำคัญ เช่น "พันธมิตรที่มีโชคชะตาร่วมกัน" "การบูรณาการสื่อเพื่อพัฒนาร่วมกัน" และ "การเสริมพลังปัญญาประดิษฐ์ต่อทุกอุตสาหกรรม" เปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนความเห็นอย่างกว้างขวาง จนนำไปสู่ฉันทามติร่วม
ดร. ดีนี ฟรอนิตาซารี จากศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์และความปลอดภัยทางไซเบอร์ สังกัดสำนักงานวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติอินโดนีเซีย (BRIN) กล่าวว่า อินโดนีเซียมีความต้องการทางการตลาดและทรัพยากรข้อมูลที่หลากหลาย ขณะที่จีนมีศักยภาพในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และประสบการณ์ด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ การเสริมสร้างความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ระหว่างสองประเทศจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเอเชีย นายอาหมัด ซาคาเรีย โปรดิวเซอร์อาวุโสของสถานีโทรทัศน์แห่งชาติอินโดนีเซีย (TVRI) กล่าวถึงการร่วมสร้างโครงการ One Belt One Road ว่า อักษรย่อ “OBOR” (One Belt One Road) ไปพ้องกับคำว่า obor ในภาษาอินโดนีเซียซึ่งแปลว่า “คบเพลิง” จึงสื่อถึงการจุดแสงนำทางให้ก้าวเดินไปด้วยกัน นางสาวหวง จุนต้ง ผู้สื่อข่าวรุ่นเยาว์จากศูนย์สื่อสารระหว่างประเทศกว่างซี เห็นว่า การปล่อยให้เสียงข้ามภูเขาและทะเล ให้เรื่องราวเชื่อมโยงจิตใจผู้คน ซึ่งเป็นหนทางการสื่อสารที่ดีที่สุดของคนรุ่นใหม่เราในยุคบูรณาการสื่อ นายหลัว ฉวนยวี่ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยจีน-อาเซียน มหาวิทยาลัยกว่างซี ระบุว่า หลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ดำรงอยู่ตลอดกระบวนการพัฒนา “เส้นทางสายไหมทางทะเล” และเป็นเสมือนดีเอ็นเอของประชาคมจีน-อินโดนีเซียที่มีอนาคตร่วมกัน
เยาวชนทั้งสองประเทศประกาศร่วมกันว่า จะเติมบทบาทในฐานะกำลังหลักของการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างอารยธรรม สืบสานและขับเคลื่อน “จิตวิญญาณของการประชุมบันดุง” ต่อเนื่อง สืบสานและส่งเสริมมิตรภาพแบบดั้งเดิม และลงมือปฏิบัติอย่างเชิงรุก เพื่อหลอมรวมพลังและภูมิปัญญาของคนรุ่นใหม่หนุนการส่งเสริมภารกิจความร่วมมือฉันมิตรระหว่างสองประเทศ ในขณะเดียวกัน จะปรับตัวเชิงรุกต่อแนวโน้มการพัฒนาสื่อในยุคดิจิทัลอ-อิจฉริยะ เสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันสื่อของทั้งสองประเทศให้ลึกซึ้ง ขยายห่วงโซ่อุตสาหกรรมสื่อ และริเริ่มรูปแบบ “ร่วมผลิตเนื้อหา–แบ่งปันเทคโนโลยี–ร่วมพัฒนาช่องทาง” เพื่อร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวมิตรภาพและความร่วมมือของสองประเทศให้เข้าถึงยิ่งขึ้น ทั้งยังมุ่งผลักดันการเสริมพลังด้วยปัญญาประดิษฐ์ในทุกภาคส่วน เร่งการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในด้านเกษตร สาธารณสุข การศึกษา เป็นต้น และร่วมกันสร้างอนาคตอัจฉริยะที่งดงามมากขึ้น
ระหว่างงานแลกเปลี่ยน มีพิธีแลกเปลี่ยนของที่ระลึกในบรรยากาศอบอุ่น ถ่ายทอดมิตรภาพอันจริงใจของเยาวชนทั้งสองประเทศ ขณะเดียวกัน นักเต้นเยาวชนจากจาการ์ตาได้นำเสนอ “ระบำหน้ากากเบตาวี” อันโดดเด่นเชิงชาติพันธุ์ ถ่ายทอดคำอวยพรผ่านแนวคิดเชิงศิลป์แบบ "หนึ่งพันหน้า" นอกจากนี้ ยังมีการบรรเลงดนตรีกาเมลันแบบดั้งเดิมของอินโดนีเซียอีกด้วย ท่วงทำนองอันไพเราะละเมียดละไมชโลมใจ สอดประสานกับการแสดงระบำอย่างลงตัว และสร้างบรรยากาศทางวัฒนธรรมให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
ในปีนี้ กว่างซีได้ริเริ่มกิจกรรมแลกเปลี่ยนสื่อมวลชนรุ่นใหม่ “Dialogue with the World” โดยอาศัยศักยภาพการสื่อสารของสื่อกระแสหลัก มุ่งประเด็นที่เยาวชนชาติพันธุ์ต่าง ๆ ให้ความสนใจ ร่วมจัดเวทีเสวนาออฟไลน์ในหลายประเทศควบคู่การอภิปรายออนไลน์ผ่านเครือข่ายสังคม สร้างแพลตฟอร์มให้เยาวชนจากหลากหลายประเทศได้แลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และกระชับมิตรภาพ กิจกรรมยังส่งเสริมให้เยาวชนมองโลกด้วยทัศนะ ““ชื่นชม–เรียนรู้ร่วม–แบ่งปัน” ผลักดันการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างอารยธรรมสู่ความอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน พร้อมทั้งเร่งบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ในการเสริมพลังทุกอุตสาหกรรม ขยายการประยุกต์ใช้ AI ในภาคเกษตร สาธารณสุข การศึกษา เป็นต้น เพื่อร่วมกันก้าวสู่อนาคตอัจฉริยะที่ดียิ่งขึ้น