news-details

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 257 (1st June 2023) พบกับบทสัมภาษณ์ "คุณสุธิดา มงคลสุธี" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

บริษัทเทคโนโลยี ที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี
สัมภาษณ์คุณสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) หรือ Synnex ประกอบธุรกิจจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทสินค้าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ โดยคุณสุธิดา มงคลสุธีเข้ามารับช่วงต่อในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เธอเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าไม่ได้เพียงการขายผลิตภัณฑ์ประเภทสินค้าเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริการหลังการขายด้วย ดังนั้นเธอจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทให้มากขึ้น ทำให้ Synnex ไม่ใช่แค่บริษัทขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยังเป็นการบริการแบบครบวงจร

คุณสุธิดา มงคลสุธี ในฐานะผู้บริหารหญิงเปี่ยมด้วยปัญญาและความทุ่มเทในด้านเทคโนโลยี โดยเธอสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าจากการปรับแนวคิดในการทำงานร่วมกันในองค์กรจาก Teamwork ผ่านคำว่า "TRUST" T = Teamwork & Thankful สามัคคีเป็นหนึ่งเดียว R = Results Driven มุ่งมั่นในตนและเป้าหมาย U = Understanding & Caring เข้าใจและเอาใจใส่ลูกค้า-คู่ค้า S = Sustainability ใส่ใจในความยั่งยืนของสังคมและองค์กร T = Transformation & Innovation นำนวัตกรรมสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นจนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งเธอหวังว่าพนักงาน คู่ค้า และลูกค้าของบริษัทจะสามารถไว้วางใจ Synnex ได้และสามารถพัฒนาได้ในระยะยาว

การบริหารของคุณสุธิดา มงคลสุธี ถือว่าบริหารได้ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าโดดเด่น บริษัทไม่เพียงแต่เติบโตด้านสินค้าเทคโนโลยีเท่านั้นแต่ยังขยายขอบเขตธุรกิจเช่น บริการหลังการขาย การจัดส่งสินค้าที่สะดวกรวดเร็วเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการบริการและประสบการณ์ที่ดี บริษัทมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการจัดจำหน่ายสินค้าเทคโนโลยีและทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

เบื้องหลังของคุณสุธิดา มงคลสุธี เต็มไปเรื่องราและความทรงจำที่น่าสนใจ ปู่ย่าตายายของเธอเป็นคนจีน แต่พ่อและแม่ของเธอเกิดที่ประเทศไทย ดังนั้นเธอและครอบครัวของเธอจึงเป็นคนจีนโดยปริยาย เธอได้พบเจอการผสมผสานวัฒนธรรมโดยได้นำมาปรับกับการดำเนินธุรกิจเกิดเป็นการบริหาร Synnex ที่ไม่เหมือนใคร

คำว่า "TRUSTED BY SYNNEX" โลโก้ Synnex ใหม่เป็นสัญลักษณ์ว่า Synnex กลายเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณการบริหารของคุณสุธิดา มงคลสุธี เธอเชื่อว่าการทำงานเป็นทีมและการสร้างความไว้วางใจที่จะสามารถทำให้บริษัทสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและเติบโตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้

สไตล์การบริหารของสุธิดา มงคลสุธี โดยให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีมสนับสนุนซึ่งกันและกันและเน้นความสามัคคี เธอกำหนดเป้าหมายและความมุ่งมั่นที่ชัดเจนสำหรับตนเองและทีม มุ่งเน้นที่การพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อสังคมและองค์กรนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาที่ดีขึ้น ด้วยความใส่ใจลูกค้าและคู่ค้า

นอกจากนี้คุณสุธิดา มงคลสุธี ยังให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน เธอให้ความสนใจกับประเด็นทางสังคม มีส่วนร่วมในการดำเนินงานด้านการสังคมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมในเชิงบวกขององค์กรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เธอผสมผสานการดำเนินธุรกิจและวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทเข้ากับภูมิหลังของเธอและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท

ภายใต้การบริหารของสุธิดา มงคลสุธี ทำให้ Synnex กลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจ ความเป็นผู้นำของเธอและการให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม ช่วยให้ Synnex มีรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตในอนาคตและกลายเป็นหนึ่งในผู้บริหารหญิงที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

ManGu: คุณพ่อคุณแม่มีเชื้อสายจีนหรือไม่

Khun Sutida: อากงอาม่ามาจากเมืองจีนทั้งฝั่งคุณพ่อและคุณแม่ทั้งคู่ แต่คุณพ่อคุณแม่เกิดเมืองไทย ท่าน 4 คนเป็นคนจีน 100% มาจากมลฑลซัวเถาทั้งคู่ ตอนเด็ก ๆ พูดแต้จิ๋วกับอากงอาม่า แต่อาม่าเป็นครูสอนภาษาจีนกลาง ท่านเป็นผู้หญิงคนแรก ๆ ที่จบอนุปริญญาเพราะเมื่อก่อนไม่ค่อยมีผู้หญิงได้เรียนหนังสือ ท่านเป็นครูสอนภาษาจีนกลางที่ภาคใต้ของเมืองไทย หลังจากนั้นได้มาเจออากงที่มาค้าขายที่เมืองไทยเหมือนกัน ซึ่งพ่อได้ไปเที่ยวปักกิ่งตอนอายุ 8 ขวบหลังจากจบปริญญาตรีก็ได้ไปเรียนที่เมืองจีน พ่อเป็นลูกคนโต มีพี่น้อง 3 คน อากงอาม่าจะสอนเรามากมายเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิม ตั้งแต่อาหารการกิน วิถีชีวิต ไปจนถึงประสบการณ์ชีวิตเพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนจีนทั่วไป ทุก ๆ ปี ครอบครัวของเราจะเฉลิมฉลองวันตรุษจีน

 

ManGu: คุณพ่อมีเริ่มการทำธุรกิจ Synnex ตั้งแต่คุณยังเด็ก ๆ เลยใช่ไหม

Khun Sutida: การก่อตั้ง Synnex มีมา 34 ปี จริง ๆ ก่อนหน้าเป็น TKS เป็นบริษัทที่อากงสร้างขึ้นมา คุณพ่อเป็นคนสานต่อและก่อตั้งเป็น Synnex ซึ่งเราก็มีโอกาสเห็นทั้งสองบริษัทนี้ตั้งแต่เด็ก ๆ TKS มาจากชื่ออากง เริ่มต้นมาจากการขายเครื่องเขียนจนเป็นผู้ผลิต เช่น สมุด กระดาษ เป็นต้น คุณพ่อก็มาทำเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยี หลังจากต้มยำกุ้งทำให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้ามาร่วมมือกับเรามากขึ้น ตั้งแต่วันนั้นก็เริ่มเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ส่วนตัวเราเองมารับช่วงต่ออยู่ที่ Synnex มาประมาณ 13-14 ปี แต่มาเป็น CEO ของบริษัทประมาณ 8 ปี ก็ถือเป็นรุ่นที่ 2 ของ Synnex ซึ่งปีนี้เราหวังว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 43,000 ล้านบาท

ManGu: หลังจากเรียนจบกลับมาทำานที่ Synnex เลยไหมหรือมีไปทำงานที่อื่น ๆ

Khun Sutida: เราอยากลอง ชอบเรื่องหุ้นและเรื่องการลงทุน แต่ไม่ชอบทำงานธนาคาร ก็เลยไปทำงานด้านการจัดการ ซึ่งเป็นโครงการที่จะเอาเฉพาะเด็กเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยไปฝึกงานแต่ละแผนกและมาดูมาเราชอบตำแหน่งอะไร แต่ตำแหน่งนักวิเคราะห์มีว่างอยู่ 2 ตำแหน่ง เราเลยเป็นนักวิเคราะห์หุ้นทำได้ 2 ปี หลังจากนั้นก็ไปเมืองจีนแต่ตอนนั้นไม่ได้คิดเลยถึงต่อให้ชอบภาษา แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะชอบขนาดนั้น คุณพ่อจึงลองให้ไปเมืองจีนดู ไปแค่เรียนภาษา อยู่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ตอนนั้นเด็กไปเรียนภาษาเยอะมาก เรามีความสุขมาก แต่คิดยังไงไม่รู้ย้ายไปอยู่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ตอนนั้นเน้นเรื่องการเขียนและการอ่านเยอะมาก แต่ก็ชอบอยู่ดี ตอนแรกไม่ได้อยากไปเมืองจีนเลย ตอนแรกไปเราปรับตัวไม่ค่อยได้ ไม่เข้าใจวัฒนธรรม แต่ไป ๆ มา ๆ เราชอบปักกิ่งมากขึ้น แต่ไม่มีโอกาสได้กลับไป ปักกิ่งเป็นที่ที่เราได้เรียนรู้อะไรเยอะ เราชอบปักกิ่งมาก คนก็น่ารัก อาหารก็อร่อย มีเพื่อนที่ดี จริง ๆ ตั้งใจจะไปแค่ครึ่งปี แต่อยู่จริง ๆ เกือบ 1 ปี ตอนนั้นพอกลับมาที่บ้านเราแทบจะพูดจีนแต้จิ๋วไม่ได้ เพราะเราอยู่ปักกิ่งเราพูดจีนกลางทุกวัน

 

ManGu: หลังจากนั้นก็ไปอังกฤษ และกลับมาทำงานเลยไหม

Khun Sutida: หลังจากไปเรียนปริญญาโทที่อังกฤษก็ไปเยอรมันต่อ เพื่อเรียนภาษา เราชอบภาษาจริง ทุกภาษามันสนุกไม่เหมือนกัน ภาษามันบ่งบอกความเป็นวัฒนธรรมของที่นั้น ๆ เรารู้สึกว่านอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาเยอรมันเราจะอ่านได้เยอะแต่อาจจะพูดผิดแกรมม่าบ้าง ภาษาจีนจะพูดได้เยอะ แต่การอ่าน การเขียนจะยากกว่า

ManGu: หลังจากกลับมาแล้วทำงานกับที่บ้านเลยไหม

Khun Sutida: สมัยนั้นเรียกว่า Corporate Secretary เพราะเราอยู่ด้านการตลาด และขยับมาเป็น CFO ตอนนั้นยังพัฒนาอะไรไม่ได้เยอะ ดูเรื่องการเงิน ตลาดทุน ปี 2013 เป็น CEO สิ่งแรกที่เราทำคือเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เมื่อก่อนจะมีคำว่า “TEAMWORK” เราอยากย่อให้มันชัด จึงคิดว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญของสังคมสมัยนี้ ทำให้องค์กรมีมูลค่ามากที่สุด จึงได้เป็นคำว่า “TRUST” ความไว้วางใจ T= Teamwork & Thankful สามัคคีเป็นหนึ่งเดียว, R = Results Driven มุ่งมั่นในตนและเป้าหมาย, U= Understanding & Caring เข้าใจและเอาใจใส่ลูกค้า-คู่ค้า, S= Sustainability ใส่ใจในความยั่งยืนของสังคมและองค์กร, T= Transformation & Innovation นำนวัตกรรมสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เราอยากให้พนักงาน องค์กรของเราเป็นที่ไว้วางใจ ทำไมคู่ค้าถึงเลือกเรา ทำไมผู้บริโภคถึงเลือกเรา ทำไมคนในองค์กรถึงอยากทำงานด้วยกันกับเรา และเราเองก็ต้องสร้างความไว้วางใจเหมือนกันว่า “สุธิดา มงคลสุธี” ก้าวเข้ามาเป็น CEO แล้วสามารถทำให้บริษัท synnex เดินหน้าต่อไปได้ หลังจากนั้นก็ทำโลโก้ รุ่นคุณพ่อเป็นสีเทา พอถึงรุ่นเราจึงขอเปลี่ยนโลโก้เป็นสีสันสวยงาม และมีคำว่า “TRUSTED BY SYNNEX” ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้เลยว่าเป็นของแท้แน่นอน ของดี รับประกันศูนย์ ฉะนั้นไม่ต้องห่วงถ้าซื้อของที่มีโลโก้ “TRUSTED BY SYNNEX” มันก็เลยมีลูกค้าที่เดินเข้าไปที่ร้านแล้วบอกว่าขอซื้อสินค้าที่มีโลโก้ “TRUSTED BY SYNNEX” นี่ก็สิ่งที่เราสร้างขึ้นมา 8-9 ปีที่เป็น CEO มาเราเริ่มรู้จักคนมากขึ้น เราพยายามหาสินค้าที่เป็นวัยรุ่นมากขึ้น การบริการกว้างขึ้น ตอนนี้มี E-commerce เรามีโปรแกรมสามารถดูได้ว่าคุณต้องการเข้าโครงการอะไรต้องใช้เงินแบบไหน มีทุกบริการ การเงินก็มี คลังสินค้าก็มี นี่คือสิ่งที่เราย้ำว่าต้องแข็งแรงมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ค่อย ๆ เปลี่ยนองค์กร synnex ก็จะไม่ใช่แค่ขายสินค้าไอทีเท่านั้น แต่ยังมีด้านการบริการ เลยใช้คำว่า “Value Added IT Distributor” อยู่ช่วงหนึ่ง เราจึงเปลี่ยนเป็น IT ecosystem เพราะ synnex จะต้องโตด้วยการที่เราทำธุรกิจและโตโดยการขยาย เราไปซื้อธุรกิจต่าง ๆ เราแข็งแรงเรื่องการเงินเราจึงซื้อธุรกิจเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ดังนั้นเมื่อก่อนเราแข็งแรงในส่วนของไอที แต่ตอนนี้เราขยายความแข็งแรงมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ ไลฟสไตล์ เกมมิ่ง เป็นต้น อันนี้คือภาพรวมที่เราเข้ามาเปลี่ยน

 

ManGu: เนื่องจากคุณเข้ามาเป็น CEO เพียงแค่อายุ 30 คุณเจออุปสรรคอะไรบ้าง

Khun Sutida: ก็มีความท้าทาย เนื่องจากเรามีผู้ถือหุ้นที่ประเทศไต้หวัน ตอนนั้นที่เรามาบริหาร เขาบอกว่า “เชื่อว่าคุณมีความสามารถ แต่เราไม่เชื่อว่าจะมีวุฒิภาวะเพียงพอสำหรับการดูแลบริษัท” ตอนนั้นรายได้ประมาณ 10,000 กว่าล้าน ตอนนั้นคุณพ่อก็ไว้วางใจเรา ทำให้เราคิดว่าเราสามารถทำมันทำได้ ซึ่งมองจากสายตาคนภายนอก อายุ 30 ปี ยังเด็กมากสำหรับธุรกิจใหญ่ขนาดนี้ มีครั้งหนึ่งเคยไปต่างประเทศและไปกับผู้บริหารซึ่งอายุเยอะกว่า ทางแบรนด์เข้าใจว่าเราเป็นผู้ช่วย ซึ่งไม่ใช่ จริง ๆ เราเป็น CEO แต่อีกคนเป็นผู้บริหาร เนื่องจากเราขึ้นจากตำแหน่ง CFO มาเป็น CEO ไม่ได้ขึ้นจาก CFO มาเป็น Marketing แล้วค่อยมาเป็น CEO ทำให้หลาย ๆ คนยังไม่รู้จักเรา

ManGu: การที่คุณขึ้นมาเป็น CEO ต้องมีการปรับตัวอย่างไรบ้าง?

Khun Sutida: ช่วงแรกปรับตัวเยอะมาก ใช้เวลาเยอะมาก ตอนแรกไปทั่วประเทศ เหนือสุด ใต้สุด ตอนนั้นต้องไปเจอตัวแทนจำหน่ายด้วยตัวเอง ประชุมต่าง ๆ ก็ต้องไป ใช้เวลาในการเดินทาง ในการพบปะ การเรียนรู้ การที่ให้เขารู้จักเรา ตอนนั้นเราอยากเจอลูกค้าเยอะ ๆ เราจึงจัดอีเวนท์ในแต่ละภาคเพื่อพบลูกค้าที่หลากหลาย

 

ManGu: จากตำแหน่ง CFO เป็น CEO มีวิธีการทำงานที่ต่างกันมากไหม

Khun Sutida: เยอะมาก เพราะมุมกว้างขึ้น CFO คิดเรื่องทำอย่างไรให้บริษัทมีกำไรมากที่สุด CEO ทำอย่างไรให้บริษัทเติบโตมาที่สุด ฉะนั้นการที่เป็น CEO เราต้องให้ทุกคนเข้าใจว่าเราจะพาองค์กรไปจุดไหน เราต้องไกด์ให้ทุกคนในองค์กรไปถึงจุดนั้น ซึ่งตอนเป็น CFO มันไม่จำเป็น จริง ๆ มันก็มีเรื่องราวมากมาย บทเรียนก็สอนเรา

ManGu: เริ่มแรกของ Synnex ทำเกี่ยวกับอุปกรณ์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เลยหรือเปล่าคะ

Khun Sutida: ที่จริงเราก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาค่ะ ในปัจจุบันเราค่อย ๆ ก้าวไปสู่ยุคของสมาร์ทโฟนและตอนนี้ธุรกิจของเราได้แบ่งสินค้าออกเป็น 3 กลุ่ม 1. กลุ่มสมาร์ทโฟนถือว่าเป็นสิ่งที่แสดงออกได้ชัดเจนที่สุด 2.กลุ่มผู้บริโภคสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่คนทั่วไปใช้ในชีวิตประจําวัน 3. กลุ่มอุปกรณ์เชิงพาณิชย์ คืออินเตอร์เน็ต Wi-Fi อุปกรณ์สำหรับการประชุมทางวิดีโอและอุปกรณ์ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์อื่น ๆ ฯลฯ ที่ใช้ในสำนักงาน จะเห็นได้ว่าสินค้าของเรามีหลากหลายและมีแผนที่จะขยายเพิ่มขึ้น เพราะว่าในปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้มีความสําคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เราจึงต้องขยายธุรกิจเพื่อหาโอกาสในการพัฒนามากขึ้น

 

ManGu: เมื่อทำธุรกิจสายนี้ จำเป็นต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับ IT มากไหมคะ

Khun Sutida: พูดตามตรงเราชอบเรื่องพวกนี้มาอยู่แล้ว ถึงจะเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแต่ในฐานะพ่อค้าคนกลางเรารู้ว่าอะไรเป็นที่นิยมในตลาดและสิ่งที่จะนําเข้าค่ะ เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นไม่ใช่แค่เราจะขายสินค้าอย่างเดียว แต่สิ่งสําคัญคือบริการหลังการขายจะต้องดูแลดูให้ครบวงจร และต้องใช้ความรู้ด้านการจัดการทางการเงินมากมาย เทคโนโลยีคือสิ่งที่เราใช้พัฒนาคุณภาพชีวิต ทําให้ชีวิตของเราและการทำงานร่วมกันมันง่ายและดียิ่งขึ้นหรือสามารถลดต้นทุนและทำงานให้เสร็จได้เร็วขึ้น นี่คือสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้ในตลาด พวกเราโชคดีมากที่ได้เป็นตัวแทนของแบรนด์ใหญ่ ๆ มากมาย เพราะเราได้เข้าร่วมประชุมกับแบรนด์ใหญ่ต่าง ๆ พวกเขาได้อธิบายว่าแต่ละธุรกิจเป็นอย่างไร เมื่อเราได้ฟังก็ได้รู้ว่าเราจะต้องเดินไปทางไหนหรือทำอย่างไร นอกจากนั้นเรายังได้รู้ความต้องการของตลาด สินค้าอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ต่างกันความต้องการของแต่ละประเทศก็ต่างกันเช่นกัน เราต้องเข้าใจตลาดของเรา รู้จักและเข้าใจพาร์ทเนอร์ของเรา ที่จริงแล้วสิ่งพวกเหล่านี้คือการเรียนรู้ ยิ่งเราอยู่สายนี้นานเท่าไหร่เราก็จะได้เข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบเหล่านี้มากขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของ Synnex คือระบบหลังบ้าน เราดูแลระบบคลังสินค้าและการขนส่งทั้งหมดมีระบบอัตโนมัติที่ช่วยให้เราจัดการและแก้ปัญหาได้ดี

ManGu: ข้อดีของ Synnex คืออะไรคะ

Khun Sutida: อย่างแรกเลยคือการจัดการคลังสินค้าและการขนส่ง แต่นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น พวกเราให้ความใส่ใจกับบริการหลังการขาย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไหนก็หาซื้อได้ แต่ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงมองหาโลโก้ Synnex ล่ะ นั้นเพราะว่าเรามีผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมทั่วประเทศ แม้แต่การ shopping ออนไลน์ เรายังสามารถจัดการได้อย่างรวดเร็วดังนั้นผู้บริโภคเลยให้ความมั่นใจกับทางเราและพาร์ทเนอร์ก็ให้ความเชื่อมั่นในตัวเรา นอกจากนี้ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีขายหน้าร้านแต่เราก็มีช่องทางการขายต่าง ๆ อย่างเช่น เราจะขายสินค้าของ Apple ให้กับร้านค้า iStudio ที่ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเราเป็นผู้ขายส่งและพวกเขาจะเป็นผู้ค้าปลีก

 

ManGu: มีเรื่องหรืออุปสรรคที่ทำให้เรารู้สึกท้อแท้ไหม

Khun Sutida: มีแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะแก้ไขมันอย่างไรมากกว่า อย่างที่ทุกคนรู้ Synnex เป็น Exclusive Partner กับ Huawei เราดูแล Huawei เพราะฉะนั้นตอน Huawei โดนสหรัฐอเมริกาแบน ทำให้เสียรายได้เป็น 10,000 ล้าน โดยที่เราก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ตอนนั้นที่เกิดขึ้นเราจึงคิดว่าเราจะต้องหารายได้ 10,000 ล้านกลับมาได้อย่างไร นั้นก็เป็นความท้าทายที่เราต้องเจอ ทำให้เราต้องมองกว้างขึ้นต่อให้จะมีปัจจัยอื่นมากระทบ ต้องบอกว่าเราก็ไม่คิดว่ามันจะมากระทบเรา เลยเรียนรู้ว่าบางอย่างมันควบคุมไม่ได้จริง ๆ ต่อให้เราทำดีที่สุดแล้วแต่บางทีผลลัพธ์ที่ออกมามันอาจไม่ได้แบบที่เราคาดไว้ แต่เราทำดีที่สุดแล้วเราก็แค่ยอมรับมันแล้วเดินต่อ นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องเจอความท้าทายกับชีวิต ต่อให้บางครั้งเราอาจจะตัดใจผิดพลาดบ้าง แต่ถ้าเราเรียนรู้ เราก็สามารถไปต่อได้และรู้ว่าจะไม่ทำอีก ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เราเรียนรู้สำหรับการเป็นผู้บริหารคอยให้คนในองค์กรเห็นภาพแบบที่เราเห็น เพื่อให้ทุกคนไปถึงในจุดที่เราตั้งไว้

ManGu: เนื่องจาก Synnex มีคู่ค้าทั่วโลก คุณคิดว่าแบรนด์แต่ละประเทศเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร

Khun Sutida: ไม่เหมือนค่ะ โดยส่วนใหญ่เป็นประเทศที่เราทำงานด้วย เขาไว้ใจเรา และ เราไว้ใจเขา ถ้าเขาให้ความไว้ใจกับเราแล้วเขาจะไม่มาเปลี่ยน อเมริกาก็จะดูเรื่องตัวเลขเป็นหลัก ปัจจุบันจีนมาแรงมาก มีการแข่งขันกันอย่างมาก จีนเติบโตเร็วมาก ๆ ไม่แปลกใจที่คนจีนมีการขับเคลื่อนได้อย่างเร็วมาก ๆ

 

ManGu: ในบทบาทการเป็นคุณแม่มีการแบ่งเวลาอย่างไร

Khun Sutida: จริง ๆ ต้องบอกว่าเราอยู่จุดไหนเราก็จะเต็มที่กับมัน เราต้องทำงานไปด้วย เลี้ยงดูด้วย เพราะฉะนั้นเวลาก็จะไม่เหมือนคนอื่น คุณหมอบอกว่า “มันไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ มันอยู่ที่คุณภาพ” ถ้าเราอยู่กับลูกแล้วใช้เวลาตรงนั้นให้มีคุณค่ามากที่สุด บางที่เราไปเที่ยวกันไปหลายวัน ก็อยู่กับลูกตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าปกติกลับจากทำงานก่อนลูกนอนจะเป็นคนอ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกวัน ฉะนั้นลูกจะรักการอ่านหนังสือเพราะเราแทบไม่ให้ลูกดูจอเลย ดูน้อยมาก เราเล่าจนเขาติดการอ่านหนังสือ และจะมีช่วงเวลาก่อนนอนที่เราจะพูดคุยกันว่าวันนี้เกิดอะไรกับชีวิตเขาบ้าง มีอะไรที่เขาอยากเล่าให้ฟังไหม ใช้เวลาให้มีคุณค่ามากที่สุดให้เขา

ManGu: ตอนแรกคิดว่าลูกคุณน่าจะมีโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด เกินความคาดหมายที่คุณทำบริษัท ไอทีแต่คุณแทบจะไม่ให้ลูกดูจอ

Khun Sutida: เทคโนโลยีมันช่วยจริง ๆ แต่เราอยากให้เขาถึงวัยที่สมควรก่อน ตอนนี้เราอยากให้เขาสนุกกับธรรมชาติรอบตัว เทคโนโลยีเป็นสิ่งดี ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น มีอันหนึ่งเราใช้เวลาเราไม่เจอกันคือวิดีโอคอล แต่หากเป็นการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีเรารู้สึกว่าเขายังมีสิ่งรอบตัวเยอะมากที่เขายังไม่ได้เรียน

 

ManGu: สามีคุณสนับสนุนในการทำงานอย่างไรบ้าง

Khun Sutida: เขาค่อนข้างสนับสนุนและเป็นคุณพ่อที่ดีมาก บางทีเราหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ มีอีเวนท์ เขาก็จะไปให้หรือวันไหนสลับกันรับลูก เขาก็พยายามช่วยตรงนี้ ซึ่งเขาทำงานเกี่ยวกับการลงทุน คนละธุรกิจแต่ใกล้เคียงกับที่เรียนมา

ManGu: ปกติแบ่งเวลาในการใช้ชีวิตอย่างไร

Khun Sutida: จริง ๆ แล้วแต่ละวันไม่เหมือนกัน แล้วแต่ตารางที่ได้รับ วันนี้อาจประชุมทั้งวันไม่ได้เจอคนนอก อย่างวันนี้มีสัมภาษณ์ก็จะเปลี่ยน ส่วนใหญ่ก็จะมีคิว อย่างเรามีวันรับ-ส่งลูก คนนึงเข้าเช้ามาก 7 โมงกว่า อีกคนเข้า 8 โมงกว่า ลูกต้องถึงโรงเรียน ก็ไปส่งลูกก่อน แล้วค่อยเข้าออฟฟิศ บางทีก็มีประชุมในออฟฟิศ บางทีก็ประชุมข้างนอก บางทีมีพบปะกับลูกค้า เราจะต้องถึงบ้านทันลูกเข้านอนประมาณ 2 ทุ่ม เพื่อส่งลูกเข้านอน

 

ManGu: งานอดิเรกมีอะไรบ้าง

Khun Sutida: ชอบเล่นโยคะ งานอดิเรกที่เราชอบเราเอาลูกมาร่วมด้วยหมด ตอนแรกคนโตจะชอบตอนหลัง ๆ เขาก็ไม่อินเพราะต้องใช้สมาธิเยอะมาก เพราะฉะนั้นโยคะเป็นอะไรที่เราทำคนเดียว เหมือนเราพักผ่อนอยู่กับตัวเอง ชอบอ่านหนังสือจึงอ่านหนังสือผ่านหนังสือเด็ก ช่วงนี้จึงได้เรียนรู้กับหนังสือลูกเยอะมากเพราะอ่านหนังสือด้วยกัน และชอบทำขนมแต่ไม่มีเวลาทำเลยจึงถือเป็นกิจกรรมร่วมกับลูก ถ้าวันเสาร์-อาทิตย์ว่างเราจะทำด้วยกันหมด ทำงานศิลปะด้วยกัน ทุกกิจกรรมที่เป็นงานอดิเรกเราก็พาลูกทำด้วย ถือเป็นการใช้เวลาร่วมกับลูก

 

ManGu: สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงผู้อ่านไหมคะ

Khun Sutida: นิตยสารนี้เป็นนิตยสารจีน ต้องบอกว่าภาษาจีนเป็นภาษาที่ชอบมากที่สุดภาษาหนึ่ง และชอบวัฒนธรรมจีน เราอยากให้เปิดใจกับภาษาจีนมันให้อะไรเรามากกว่าที่เราคาดคิดไว้เยอะ ภาษาจีนเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับไทยมาก ตัวอักษรจีนที่เป็นภาพวาดมันน่ารักมากและก็เป็นภาษาที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ลูก ๆ ก็มีเรียนภาษาจีนทุกคน เป็นโรงเรียนที่สอนภาษาจีนและภาษาอังกฤษคู่กัน

 

Thank you.

คุณสุธิดา มงคลสุธี / Ms. Sutida Mongkolsuthree

 

Photographer : Luttsit Thongbansai @bellr_blackroom 
Graphic Designer : Natchaphol Jin Srijun @Banshy.j
Coordinator : Natruja Ming @fahnrj  
Column Writer : Yue Han / Sheldon Chan @sheldonchan1116 

You can share this post!

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 258 (15th June 2023) พบกับบทสัมภาษณ์ คุณปิยจิต รักอริยะพงศ์ (คุณอ้อ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 256 (15th May 2023) บทสัมภาษณ์สุดพิเศษของผู้ก่อตั้ง ISSUE THAILAND คุณภูภวิศ กฤตพลนารา (คุณโรจน์)