คาเฟ่สุดหรูย่านพระโขนง Goose Café

คาเฟ่สุดหรูย่านพระโขนง Goose Café

ร้านอาหารที่ไม่เหมือนใครชื่อ Goose Café บนถนนสุขุมวิท 71 ในกรุงเทพฯ คุณสราภา เจ้าของร้าน ซึ่งขณะอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกาได้รับแรงบันดาลใจจากห่านหัวสีเขียวและลำตัวสีเทา เธอเนรมิตสถานที่แห่งนี้โดยใช้วัสดุสีเขียว สีเทา สีดำ และสีน้ำตาล หน้าร้านออกแบบด้วยผนังปูน ซึ่งเป็นที่สะดุดตาสำหรับผู้คนที่ผ่านไปมา ใช้โทนสีเขียว-เทาตกแต่งหน้าร้านทำให้ดูเท่ ชั้น 1 ของร้านเป็นส่วนของคาเฟ่กึ่งร้านอาหาร ส่วนชั้น 2 ออกแบบให้เป็นพื้นที่ของโรงแรมบูติก ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงบรรยากาศที่นุ่มนวล

คุณสราภาเป็นผู้จัดการและหัวหน้าเชฟของร้านอาหารแห่งนี้ เมนูของเธอมีความทันสมัย เป็นอาหารสไตล์ฟิวชั่น ผสมผสานกับรสชาติอาหารเอเชีย เธอให้ความสำคัญกับการเลือกและการนำเสนอส่วนผสม และขัดเกลาอาหารแต่ละจานอย่างประณีต นำเสนออาหารจานอร่อย ซึ่งสามารถดึงดูดความอยากอาหารของแขกได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ร้านนี้ยังจำหน่ายงานฝีมือเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้จากอาหารอันโอชะ โดยเน้นไปที่เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารแบบไทย ซึ่งหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุดคือครก ครกของร้านออกแบบอย่างสวยงามทำด้วยไม้มะม่วง ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัย

Goose Café ไม่เพียงแต่เป็นร้านอาหารเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวและการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร อาหารของที่นี่ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย คุณสราภา เจ้าของร้านใส่ใจในทุกรายละเอียดและคุณภาพ สไตล์การทำอาหารที่ไม่เหมือนใคร อาหารอร่อยที่ทำด้วยใจ ทำให้แขกได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่ธรรมดา หากคุณมากรุงเทพฯ คุณอาจไปที่ Goose Café เพื่อค้นพบและสัมผัสถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ต่อไป เราอยากจะแนะนำอาหารที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านให้กับทุกคน

เริ่มต้นด้วยแกงเขียวหวานเนื้อตุ๋นโรตีย่าง เนื้อหั่นเต๋าจานนี้ ปรุงช้า ๆ จนละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมแกงเขียวหวานกลมกล่อมที่รสชาติเข้มข้นจนน่าจดจำ แผ่นแป้งโรตีมีความนุ่มและยืดหยุ่นที่เข้ากันได้ดีกับความเผ็ด และกลิ่นหอมของแกงเขียวหวาน ทำให้ทั้งจานอร่อยยิ่งขึ้น

อย่างที่สองคือชุดส้มตำเวรี่กู๊ส จานนี้เป็นของว่างที่นิยมมากที่สุดคือส้มตำ ส้มตำมีรสชาติออกหวานอมเปรี้ยว เหมาะมากสำหรับดับร้อนในฤดูร้อน เส้นเล็กเป็นอาหารหลักเพียงชนิดเดียวในทั้งจาน มีความเหนียวหนึบ ซึ่งทำให้รสชาติของทั้งจานเปลี่ยนไป ทำให้รสชาติโดยรวมสดชื่นและอร่อยยิ่งขึ้น

อย่างที่สามคือพาสต้าแซลมอนราดซอสเห็ดทรัฟเฟิล จานนี้ใช้เนื้อปลาแซลมอนอย่างดีทานคู่กับซอสเห็ดทรัฟเฟิลรสชาติเข้มข้นชวนน้ำลายสอ พาสต้าก็แตกต่างจากพาสต้าแบบดั้งเดิม ตรงที่มีรสชาติเหมือนวุ้นเส้นของจีนมากกว่า เหนียวนุ่มกว่า และรสชาติจะออกไปทางตะวันตกมากกว่า เป็นการผสมผสานลักษณะของตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เป็นอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก

เมนูที่สี่คือริซอตโต้ข้าวบาร์เลย์ต้มข่า ท็อปด้วยปลากะพงย่างและเห็ดโคนญี่ปุ่น จานนี้ผสมผสานกะทิและเครื่องแกงที่มีทั้งความหวานของกะทิและรสเปรี้ยวที่ทำให้คนกินคำแล้วคำเล่า รสชาติของริซอตโต้ข้าวบาร์เลย์นั้นนุ่มและยืดหยุ่น ทานคู่กับปลากะพงย่างและเห็ดโคนญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่มรสชาติเข้มข้นและคุณค่าทางโภชนาการให้กับอาหารทั้งจาน นอกจากนี้ อาหารจานนี้ยังอุดมไปด้วยโปรตีนและกากใยอาหาร ทำให้เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ

เมนูที่ห้าคือข้าวผัดเนื้อกับไข่แดงเค็ม จานนี้เป็นข้าวผัดชามหนึ่ง วัตถุดิบหลักคือเนื้อที่นุ่มและไข่แดงเค็ม เนื้อวัวถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ หมักกับซอสสูตรพิเศษแล้วปรุงเพื่อรักษาความนุ่มและความอูมามิของเนื้อ ไข่แดงเค็มวางบนบิบิมบับทั้งลูก เพิ่มรสเค็มให้กับอาหารทั้งจาน เนื้อสัมผัสของข้าวผัดนั้นเหนียวนุ่มและเคี้ยวได้ ความผสมผสานของเนื้อวัวและไข่แดงเค็มเพื่อสร้างเนื้อสัมผัสและรสชาติที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทานอาหารง่าย ๆ

มาถึงเมนูของหวานกันบ้าง

Pavlova Thong Muan

จุดเด่นอยู่ที่ แผ่นทองม้วน รีดเป็นเเผ่นตรงทำจาก ซอสส้มคาราเมลผสมงาขาว เสิร์ฟคู่กับ เมอเเรงค์ ไอศครีมเฟรนช์วานิลลา รองด้วย ครัมเบิ้ลอัลมอนด์ เเละซอสวานิลลา ภายในงานตกเเต่งด้วยผลไม้สด มีมะม่วงน้ำดอกไม้ กีวีสีทอง สตอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่

Goose Forest

เป็นกาเเฟสูตรพิเศษ ให้กลิ่นอาย รสสัมผัสเหมือนเค้ก red velvet เราใช้ Black cherry มาเคี่ยวกับน้ำเเอปเปิ้ล เสิร์ฟพร้อมโฟมนม เเละให้เท espresso shot ลงไปเอง มีก้าน cinnamon เบิร์นไฟหอมๆ ให้ได้สุนทรีย์ กับมิติของรสชาติ

Hide & Peach

เมนู Signature ชาผลไม้ที่ประกอบไปด้วย ชาพีช ชาสตรอว์เบอร์รี่ เสาวรส เราเพิ่มเสน่ห์ของเมนูนี้ด้วย spice น้ำมันพริกเผา เวลาจิบด้วยเเก้วไวน์ เเละจะรู้สึกอยากจิบอีกครั้ง

ที่ตั้ง : Goose Café BKK ถนนสุขุมวิท 71

เวลาเปิดทำการ : ทุกวันเวลา 08.00 - 21.00 น.

Photographer : Luttsit Thongbansai @bellr_blackroom
Graphic Designer : Natchaphol Jin Srijun @Banshy.j
Coordinator : Yanida Nualnoon @yn.noon
Column Writer : Sheldon Chan @sheldonchan1116