news-details

MANGU E-Magazine Issue 232 (15th May 2022) พบกับ มาย ภาคภูมิ ร่มไทรทอง และ อาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ นักแสดงนำซีรีส์ "KinnPorsche The Series"

  KinnPorsche The Series ซีรีส์วายแนวมาเฟียเรื่องแรกของประเทศไทย ซีรีส์ที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศตั้งแต่ยังไม่ได้ออกอากาศ ด้วยพล็อตเรื่อง บทบาท และองค์ประกอบศิลป์เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย ความยากของการทำซีรีส์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่การถ่ายทอดประเด็นของซีรีส์ แต่ยังเป็นการค้นหานักแสดงที่สามารถเข้าถึงบทบาทของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยได้ผู้กำกับที่คร่ำหวอดในแวดวงซีรีส์และภาพยนตร์ไทยถึงสามท่านในการกำกับและดูแลการผลิตในครั้งนี้คือ คุณก้องเกียรติ โขมศิริ, คุณกฤษดา วิทยาขจรเดช และคุณบัญชร วรเศรษฐ์อารี ซึ่งเป็นการเติมเต็มในแต่ละส่วนของซีรีส์ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยมีสองนักแสดงมากความสามารถมารับบทนำในซีรีส์เรื่องนี้ ได้แก่ มาย ภาคภูมิ ร่มไทรทอง รับบท คินน์ และ อาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ รับบท พอร์ช ซีรีส์เรื่องนี้พูดถึงความขัดแย้งของตระกูลหลักและตระกูลรอง โดยที่คินน์ลูกชายคนกลางในตระกูลหลัก ถูกศัตรูตามไล่ลา และเขาบังเอิญได้รับความช่วยเหลือจากพอร์ช บาร์เทนเดอร์หนุ่ม ด้วยความสามารถในการต่อสู้ของพอร์ช เขาจึงได้มาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของคินน์ และเรื่องราวต่างๆก็ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ นิตยสาร @ManGu ฉบับนี้ขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักนักแสดงซีรีส์วายแนวมาเฟียเรื่องแรกของประเทศไทย มาย ภาคภูมิ ร่มไทรทอง และ อาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์

ManGu : แนะนำตัวพร้อมประวัติคร่าว และผลงานที่ผ่านมา

MILE : สวัสดีครับ ผมมาย ภาคภูมิ ร่มไทรทอง ผลงานที่ผ่านมาจะเป็นการถ่ายเอ็มวี เป็นดีเจ และผลงานล่าสุดคือเรื่อง KinnPorsche The Series

APO : สวัสดีครับ ผมอาโป ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ ผลงานที่ผ่านมาคร่าวๆจะมีเรื่อง “สุดแค้นแสนรัก” , “ชาติพยัคฆ์” , “ชาติเสือพันธุ์มังกร” และเรื่องล่าสุดคือเรื่อง "KinnPorsche The Series" ครับ

 

ManGu : เล่าวัยเด็กของเด็กชายภาคภูมิและเด็กชายณัฐวิญญ์

MILE : ตอนเด็กผมชอบคณิตศาสตร์ ชอบตัวเลขมาก เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งตามภาคต่างๆ จนพออายุ 12 พอเข้ามัธยมก็รู้จักดนตรี เราก็เปลี่ยนไปอีกทางหนึ่งเลย มีความสนใจเรื่องดนตรีและศิลปะมากขึ้น แต่ลึกแล้วก็มีความสนใจเรื่องตัวเลขอยู่ ตอนนี้ก็จะมีทั้งเรื่องตัวเลข ดนตรี และการแสดงก็ยังวงวนอยู่

APO : ตอนเด็กผมเป็นเด็กซนมากๆ และติดเกมมากๆ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับการแสดงเลย สนใจแต่ด้านกีฬาครับ

ManGu : จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการบันเทิง

MILE : มันนำพาด้วยเสียงเพลงและกีตาร์ ตอนที่ผมเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีรุ่นพี่ชวนเราไปเป็นดีเจอยู่คลื่นๆหนึ่ง เราอยากทำเพราะว่าเราชอบเพลง พอเข้าไปก็มีโอกาสให้คนเห็นมากขึ้น แล้วก็ลากเราไปตามกาลเวลา ไปอยู่สังกัดเพลง ไปเล่มเอ็มวี โฆษณา แต่ถ้าเป็นผลงานการแสดงก็พูดได้ว่าเรื่องนี้เป็นการแสดงเรื่องแรกของเราอย่างเต็มตัว

APO : ตอนที่เรียนอยู่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วมีรุ่นพี่ให้รู้จักกับพี่เบิ้ม ผู้จัดการของผมในปัจจุบัน พี่เขาก็บอกผมว่าให้ไปเล่นฟิตเนสแล้วจะพาไปเดินแบบ แล้วพอเราไปเดินแบบ เรารู้สึกว่ามันเหมือนเราไปเล่นเกมเลย ไปตะลุยด่านต่อไปเรื่อยๆ จนได้มีโอกาสได้เล่นละครเรื่อง “สุดแค้นแสนรัก” ครับ และก็เรื่อยๆมาจนถึงปัจจุบันครับ

 

ManGu : ช่วยเล่าการเข้ามามีส่วนร่วมในซีรีส์ "KinnPorsche The Series"

MILE : อย่างที่ผมบอกครับว่าดนตรีนำทางชีวิตของผมมาเรื่อยๆ จนโปรดิวเซอร์ที่ผมเคยไปออกรายการมาเป็นนักเขียนเรื่อง KinnPorsche The Series เขาเห็นคาแรคเตอร์ เห็นอะไรบางอย่างในตัวเรา เขาก็นึกถึงเรา เขาเลยติดต่อมาว่าให้ลองมาแคสบทคินน์ให้หน่อยได้ไหม แล้วลองดูว่าชอบไหมที่จะเล่นในช่วงอายุนี้ ซึ่งผมก็ชอบการแสดงอยู่แล้ว และอีกอย่างคือเรื่องการให้โอกาส ผมเชื่อว่าการได้รับโอกาสเป็นสิ่งที่ดี แต่มากกว่าที่คนอื่นให้โอกาสคือการเปิดโอกาสให้ตัวเอง เราต้องเลือกในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ทำทุกอย่างให้ออกมาดีเสมอ

APO : ของผมเป็นความบังเอิญมากๆ ตอนนั้นพึ่งกลับจากการเรียนต่อที่ต่างประเทศ มีพี่ที่รู้จักแนะนำว่าตอนนี้มีซีรีส์เรื่องหนึ่งที่กำลังเปิดออดิชั่น ให้เราไปแคสดู พอเราอ่านบทเรารู้สึกว่าบทเรื่องนี้มีความเป็นคนสูงมาก มีตื้นลึกหนาบาง แล้วพอเขาเล่าโครงเรื่องให้ฟังว่าเป็นซีรีส์วายแนวมาเฟีย เราสนใจตรงมาเฟียมากๆ เพราะมันแตกต่างกับเรื่องอื่นๆ พอเราแคสไปหลายๆครั้งก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจมากๆ และทีมงานทุกคนก็เต็มที่ที่จะสร้างสรรค์เรื่องนี้ออกมา ดีใจมากๆครับที่ได้มีโอกาสแสดงเรื่อง KinnPorsche The Series

ManGu : เพียงแค่ปล่อย Trailer แฮชแท็ก KinnPorsche The Series ก็ทะลุติดเทรนด์อันดับ 1 ของไทย และอันดับ 4 ของโลก รู้สึกว่าตรงจุดนี้เป็นแรงกดดันในการทำงานไหม

MILE : ไม่กดดันครับ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่แฟนๆให้การต้อนรับอย่างดี สิ่งนี้เป็นเหมือนแรงขับเคลื่อนที่จะทำให้พวกเรามีกำลังทำผลงานออกมาอย่างดีที่สุดครับ

APO : ไม่กดดันครับ รู้สึกดีใจมากๆ มันกลับเป็นแรงฮึดให้เราสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ดีมากยิ่งขึ้น วันที่ปล่อยตอนนั้นเป็นวันสุดท้ายในการถ่ายทำ วันนั้นทุกคนท้วมท้นด้วยความสุขมากๆครับ

 

ManGu : ช่วยเล่าคาแรคเตอร์ที่แต่ละคนได้รับ

MILE : ผมรับบทเป็นคินน์ เป็นผู้นำของตระกูลใหญ่ โดยครอบครัวจะแบ่งเป็นตระกูลใหญ่ และตระกูลรอง สิ่งที่เขาได้มาและสิ่งที่เขาต้องการ มันค่อนข้างต่างกัน เขาเป็นคนรักอิสระ แต่วันหนึ่งต้องมาแบกรับภาระหน้าที่มากมาย แล้วเป็นโลกสีเทา จึงทำให้เกิดเสน่ห์ในตัวของเขา ภายนอกมีวิธีการแบบหนึ่งในการแสดงออก ส่วนตัวตนเขาก็จะแสดงออกอีกแบบหนึ่ง ซึ่งแฟนๆจะได้เห็นเขาในซีรีส์

APO : ผมรับบทเป็นพอร์ช เป็นคนที่ไม่แคร์โลก ปากไม่ตรงกับใจ อยากทำอะไรก็ทำเลย ส่วนอีกมุมหนึ่งคือเขาเป็นคนที่มองโลกในแง่บวก เป็นคนรักความยุติธรรม ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม การที่เขามองโลกในแง่บวกคือเป็นเสน่ห์ของเขา ผมว่าตรงนี้น่าจะเป็นข้อคิดให้คนดูได้ด้วย ว่าสุดท้ายปัญหาเกิดแล้วก็ยิ้มสู้กับมัน

ManGu : อยากให้เล่าประสบการณ์การถ่ายทำซีรีส์

MILE : ตอนที่เล่นฉากแอคชั่นในครั้งแรกๆ บังเอิญว่าไหล่เคลื่อน ก็เลยให้ทีมช่วยดันให้กลับ ทำให้ลุกไม่ได้ 3 วัน อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นซีนที่ต้องการ Long Shot บางที Position ของไหล่อาจจะเคลื่อน ทำให้การแอคชั่นในครั้งต่อไปผมต้องระวังมากขึ้นครับ

 

ManGu : มีฉากไหนที่เราประทับใจมากที่สุดในเรื่อง หรือฉากไหนที่ไม่อยากให้พลาดมากที่สุด

MILE & APO : มีหลายซีนเลยครับ แต่ซีนที่ชอบมากที่สุดคือซีนที่อยู่บ่อน ผมเห็น Vibe ของการคอมมาดี้ผสมดราม่า มีความกลมกล่อมของซีน ซีนนั้นเราถ่ายเป็นวันเลยครับ อยากให้แฟนๆได้ติดตามซีนนี้มากๆครับ

 

ManGu : ช่วยที่ถ่ายซีรีส์เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิดพอดี เราได้รับผลกะทบอย่างไรบ้าง

MILE & APO : ตอนที่ถ่ายเรื่องคินน์พอร์ช เป็นช่วงที่เกิดโควิดพอดี การดีลโลเคชั่นตอนแรกก็ค่อนข้างสะดวกเพราะเป็นช่วงล็อคดาวน์ แต่ความยากคือดีลที่ดีลไว้ช่วงล็อคดาวน์ เขามีการเปิดประเทศ ดังนั้นดีลนั้นก็เลื่อนไม่ได้ เราต้องถ่ายให้เสร็จตามแผนที่เราทำไว้ เราเลยต้องดูแลตัวเองอย่างดีมากๆครับ

ManGu : ช่วยเล่าความประทับใจการร่วมงานกับผู้ที่คร่ำหวอดในวงการละครและภาพยนตร์ไทยอย่างคุณก้องเกียรติ โขมศิริ , คุณกฤษดา วิทยาขจรเดช และคุณบัญชร วรเศรษฐ์อารี เป็นอย่างไรบ้าง

MILE & APO : เรื่องนี้มีผู้กำกับ 3 คน แต่ละคนก็มีทักษะและความถนัดที่ต่างกัน อย่างเช่นพี่ก้องเกียรติ โขมศิริ เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ พอเห็นพี่เขาแก้ไขสถานการณ์หน้างาน เขาเป็นคนที่แก้ไขปัญหาอย่างคม ส่วนพี่เป๊ปซี่ บัญชร เขาเป็นคนให้แนะนำกับเราเยอะมากๆ เขามีประสบการณ์ในกองสูงมาก เหมือนเป็นการเติมเต็มกัน บางอย่างพี่โขมอาจจะจัดการได้แบบนี้ พี่เป็ปซี่คิดว่าจัดการแบบนี้น่าจะง่ายกว่า แล้วก็มีพี่ปอนด์ พี่เขาเป็นทุกสิ่ง เป็นผู้กำกับ ผู้จัด ผู้เขียนบท พี่ปอนด์ร่วมปรับบทกับนักเขียน ครูหนิง และทีม All Write Team เพื่อทำให้ซีรีส์กลมกล่อม และเหมาะสมกับการทำเป็นซีรีส์มากขึ้น ทำให้เป็นมนุษย์มากขึ้น ทั้งพี่ๆ 3 คนจะมาเติมเติมซีรีส์มีครบทุกรสชาติมากขึ้นครับ

 

ManGu : มีคนกล่าวว่าการการแสดงซีรีส์ต้องแลกอะไรหลายๆอย่าง เช่น เวลา ความเป็นส่วนตัว พลังงาน อยากถามว่าการเล่นซีรีส์เรื่องนี้ให้อะไรเรากลับมาบ้าง

APO : ถ้าเป็นเชิงรูปธรรม คือผลงานที่เสร็จแล้ว ถ้าเป็นนามธรรม คือการมีความสุขทุกครั้งที่ไปกอง มีความสุขทุกครั้งที่ได้เข้าเป็นตัวละคร มีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอคินน์ ทุกอย่างเป็นความสุขที่โปได้และเติมเต็มใจโปมากๆครับ

MILE : เหมือนอย่างที่อาโปบอกเลยครับ เรื่องเอเนอจี้ก็สำคัญ ผมรักการเป็นคินน์ แต่บางทีผมก็เอาเขาออกไม่ได้ ผมชอบพาเขากลับบ้าน หรือบางทีผมก็ไม่อยากเอาเขาออก เพราะบางทีถ่ายเสร็จ 4 ทุ่ม ตื่นเช้ามาก็ต้องเอาเขาเข้า การที่เข้าไปเป็นเขาบางทีก็เหนื่อย แต่จริงสนุกมาก เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ แต่เขาเป็นคนที่คิดเยอะไปหน่อย สุดท้ายพอเราเลือกตัดสินใจทำอะไรในชีวิต ด้วยความเป็นมนุษย์ ก็ย้อนกลับมาที่จิตใจและความรู้สึก การที่ได้ทำเรื่องนี้ถือว่าเป็นรางวัลในชีวิตของผม

ManGu : ขอคนละ 3 เหตุผลที่ไม่ควรพลาดจากซีรีส์ “KinnPorsche The Series”

MILE : เหตุผลแรกคือ ดูแล้วมีความสุข เป็นเหมือนกราฟหัวใจ เดี๋ยวมันขึ้นหรือลงทั้งเรื่องถ้าดูแล้วจะเป็นความรู้สึกมีความสุขครับ

เหตุผลที่สองคือ ความเข้าใจระหว่างความรักความสัมพันธ์ คือปัญหาที่เกิดเกิดมาจากความสัมพันธ์ที่มันผิดเพี้ยนไปของสังคม

เหตุผลที่สาม อยากให้ทุกคนมีความสุข ผมเชื่อว่าเมื่อแฟนๆได้ดูซีรีส์เรื่องนี้จะมีความสุขตลอดการรับชมแน่นอนครับ

APO : เหตุผลแรกคือ ภาพ โปรดักชั่น นักแสดง ทุกคนเต็มที่และเป็นหนึ่งเดียวกัน

เหตุผลที่สองคือ ทุกคนจะได้รับความสุข ความสนุก ตรีมซีรีส์หลักของเราคือคอมมาดี้ ดังนั้นถ้าเกิดว่าบางคนอาจจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีหรือติดอะไรอยู่ อยากให้ทุกคนมาปล่อยตัวปล่อยใจกับการรับชมคินน์พอร์ช แล้วทุกคนจะได้รู้สึกว่าชีวิตเรายังมีอะไรที่น่าสนใจอยู่นะ ด้วยความที่ตัวละครเราเป็นธรรมชาติมาก ซึ่งจะมีคนแบบนี้อยู่ในสังคม

เหตุผลสุดท้ายคือ จะได้เห็นถึงความเท่าเทียมของทุกคนที่อยู่บนโลก เห็นความสวยงามของโลกใบนี้ เห็นความสวยงามของความแตกต่างครับ

ManGu : ถ้ามีโอกาสอยากร่วมงานกับใครมากที่สุด

APO : ผมอยากร่วมงานกับ แดเนียล เดย์-ลูวิส (Daniel Day-Lewis) ที่แสดงเรื่อง There Will Be Blood นักแสดงคนนี้ได้รางวัลออสการ์เยอะมาก เราอยากเรียนรู้วิธีการที่เขาเข้าไปเป็นตัวละครและการแสดงอารมณ์ที่ซับซ้อนครับ

MILE : คนแรกคือ วากเนอร์ มูร่า (Wagner Moura) แสดงเรื่อง นาร์โคส เม็กซิโก (Narcos: Mexico) ผมชอบวิธีการสร้างตัวละครและการอิมโพรไวส์ของเขา ส่วนคนที่สองคือ ทอม แฮงค์ส (Tom Hanks) เพราะทุกเรื่องที่เขาเล่น เขาแสดงออกมาอย่างธรรมชาติมากครับ

 

ManGu : เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของแต่ละคนคืออะไร

APO : ทำทุกโอกาสที่เข้ามาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในสายงานไหนที่จะได้ทำ เราจะทำอย่างเต็มที่ พอถึงจุดหนึ่งเราจะวางทุกอย่างไว้แล้วจะอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เป็นอดีตที่สวยงาม อยู่ในที่เงียบๆ ในป่าเขาลำเนาไพร

MILE : เป้าหมายของผมคืออิสระ อิสระในความคิด อิสระในการใช้ชีวิต อิสระในการตัดสินใจ มันยากในการที่จะตัดสินใจอะไรก็ได้ในความชอบของเราคนเดียว เพราะแค่ความคิดเองเราก็ถูกกดดันในสังคม ที่อาจจะเข้าใจเราในอีกแบบหนึ่ง ยิ่งคนเราไม่มีแผนกฎเกณฑ์ใดๆ เราก็จะยิ่งมีความสุขหลายๆอย่างครับ

ManGu : ความสุขของแต่ละคนในตอนนี้คืออะไร

APO : ความสุขของผมตอนนี้คืองาน เพราะงานที่ผมทำอยู่ไม่เหมือนเดิมในทุกๆวัน เช่นทุกครั้งที่ไปกอง ต่อจะได้เจอคนเก่าๆ แต่สถานที่เปลี่ยนไปเรื่อย มันเลยมันแบบไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มเดิมแต่สถานที่เปลี่ยนไปก็ต่างไปเรื่อย คล้ายกับการเล่นเกมส์ตอนเด็กๆ เราก็จะเปลี่ยนด่านไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าสิ่งนี้คือความสุขและความสนุกของผมครับ

MILE : คือการใช้ชีวิตและสร้างความสุขให้คนอื่นครับ ผมเลยคิดว่ามันคือใช้ชีวิตแบบไม่เบียดเบียนใคร พอเรามีเราก็แบ่งให้คนอื่นครับ

ManGu : สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟนคลับทั้งชาวไทย และชาวจีนที่ติดตามและซัพพอร์ตเรามาตลอด พร้อมฝากช่องทางการติดตามของทั้งคู่

MILE & APO : ขอบคุณทุกคนที่เดินอยู่ข้างๆเรามาตลอด และอยากให้เดินไปด้วยกันเรื่อยๆนะครับ และรับรองว่าในทุกๆฉาก ทุกตอนในซีรีส์แฟนๆจะเซอร์ไพรซ์แน่ๆครับ ตอนดูเรื่องนี้แฟนๆเหมือนั่งรถไฟเหาะไปกับเราเลยครับ ซีรีส์จะออกอากาศทุกคืนวันเสาร์เวลา 23.00 น. ทางช่อง One31 และ สามารถชม KinnPorsche The Series La Forte (Uncut version) ทุกวันเสาร์ เวลา 24.00 น. บนแอปพลิเคชัน iQiyi (อ้ายฉีอี้) และอีกช่องทางคือที่ UNEXT สามารถติดตามมายได้ที่ IG & Tiktok & Twitter : @milephakphum และติดตาม IG & Tiktok :@nnattawin , Twitter : nnattawin1 SUMMER นี้อยากให้แฟนๆอิ่มเอมไปกับเรื่อง “KinnPorsche The Series” ฝากติดตามด้วยนะครับ

Thank you.

Phakphum Romsaithong (Mile) / ภาคภูมิ ร่มไทรทอง (มาย)

IG : @milephakphum

Tiktok : milephakphum

Twitter : milephakphum

 

Nattawin Wattanagitiphat (Apo) /ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ (อาโป)

IG : @nnattawin

Tiktok : nnattawin

Twitter : nnattawin1

 

Clothes

Coach @Coach

Vanillinstudio @Vanillinstudio

Leisureprojects @Leisureprojects

 

Stylist : Supakasem Chanopas @milesupakasem

Assistant Stylist : Nitcharat Ajchariyapotha , Jcquelyn Charoenkiatkong

Special thanks : Supaluck mahasypanphong

 

Be On Cloud

IG : @beoncloud.official

Facebook : Kinn Porsche The Series

Twitter: Be on cloud

 

感谢拍摄场地: @mestylemuseum 
MeStyle Museum Hotel (www.mestylemuseum.com)

 

Photographer : Luttsit Thongbansai @bellr_blxck

Graphic Designer : Satamed Kunawattana @Pdillustrator

Coordinator / Interviews : Patthanapong Polpiboon @plyyp

Column Writer : OU YANTING @Olina_oyt / Patthanapong Polpiboon @plyyp    

You can share this post!

MANGU E-Magazine Issue 233 (1st June 2022) พบกับ มาร์ค ศิวัช จำลองกุล และ พร้อม ราชภัทร วรสาร

MANGU E-Magazine Issue 231 (1st May 2022) พบกับ 5 พระเอกหนุ่ม “The 5 Elements” จากช่อง ONE31