MANGU E-Magazine Cover Story Issue 231 (1st May 2022) สัมภาษณ์ คุณบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์ช่องวัน 31

ละคร คือ การแสดงประเภทหนึ่ง มีวิธีดำเนินเรื่องอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ผู้แสดงเรียกว่า ตัวละคร มีบทให้แสดงตามเนื้อเรื่อง มีฉาก หรือเวทีให้ใช้แสดง ถ้าพูดถึงละครของประเทศไทย หนึ่งในช่องที่ได้รับการตอบรับที่ดีที่สุดในประเทศไทย นั่นคือช่อง ONE31 ที่มีละครระดับตำนานอย่าง “วันทอง” , “ใบไม้ที่ปลิดปลิว” , หัวใจศิลา

ONE31 เป็นบริษัทในเครือของ The ONE Enterprise Public Company Limited (ONEE) หรือ ONEE ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ บริหารงานโดย คุณถกลเกียรติ วีรวรรณ ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการสร้างสรรค์และผลิตละคร ที่เส้นทางกว่าจะมาประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์ช่องวัน 31 นั้นไม่ง่ายเลย เขาต้องผ่านทั้งอุปสรรค ขวากนาม และปัญหาต่างๆ จนประสบความสำเร็จในปัจจุบัน นิตยสาร @ManGu ฉบับนี้ของพาทุกท่านไปพบกับ คุณถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์ช่องวัน 31

 

ManGu : ช่วยเล่าถึงชีวิตในวัยเด็ก

TAKONKIET : ผมชอบดูละครและภาพยนตร์ตั้งแต่เด็กๆ ได้แรงบันดาลใจจากซุปเปอร์ฮีโร่ไทย แต่สิ่งที่ผมดูและแปลกกว่าคนอื่นคือการที่อยากรู้ว่าเบื้องหลังการถ่ายทำเป็นอย่างไร พอตอนมัธยมก็ไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตอนนั้นก็ได้ค้นพบศาสตร์ของละครเวที ผมประทับใจมากๆครับ พอตอนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย ผมลังเลว่าจะเรียนคณะอะไร ตอนนั้นมี 2 คณะให้เลือกคือ คณะEconomics และคณะ Communications and Theatre ตอนนั้นเราก็คิดว่าเรียนคณะ Economics ดีกว่า เพราะกลับมาเมืองไทยน่าจะตอบโจทย์กว่า พอเรียนไป 1 เทอม ผมไม่มีความสุขในการเรียนเลยครับ พอเรารู้ว่าเราไม่ชอบ เราก็เลยเปลี่ยนจากคณะ Economics เป็น คณะ Communications and Theatre

 

ManGu : เมื่อเปลี่ยนคณะ ที่บ้านมีความคิดเห็นอย่างไร

TAKONKIET : ตอนนั้นก็ได้มีการพูดคุยกับทางคุณพ่อเรื่องการเปลี่ยนคณะ บอกคุณพ่อว่า ถ้าพวกผมเรียน Economics ตอนกลับมาที่ไทยก็อาจจะเกิดการแย่งงานกัน เราควรเรียนคณะที่ไม่ค่อยมีใครเรียน พอพูดจบ คุณพ่อก็บอกว่าเราคิดถูกแล้ว เรียนอะไรก็ได้ที่เลี้ยงชีพตัวเองได้และสุจริต หลังจากนั้นก็ตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยบอสตันครับ พอผมกลับมาที่ประเทศไทย ผมก็ได้ฝึกงานที่ช่อง 3 ผู้ใหญ่ให้ไปดูงานที่กองถ่ายของพี่ไก่ วรายุฑ เรื่องปริศนา และได้ไปฝึกงานที่รายการ ที่นี่กรุงเทพ ตอนที่ฝึกงานได้เรียนรู้อะไรมากมายครับ ซึ่งก็ต่างจากเราที่เราเรียน พอฝึกงานเสร็จ เราก็มีความสนใจในการทำงานที่ GMM GRAMMY ตอนนั้นทาง GMM GRAMMY ก็อยากพัฒนาจากค่ายเพลง เขาอยากทำละคร อยากทำรายการโทรทัศน์ ผมเลยคิดว่าน่าจะเติบโตไปด้วยกันได้

 

ManGu : ในช่วงนั้นทาง GMM GRAMMY เริ่มผลิตละครแล้วหรือไม่

TAKONKIET : เริ่มมีแล้วครับ ตอนนั้นมีละครที่ชื่อ “ตะกายดาว” ตอนนั้นคุณหง่าว ยุทธนา มุกดาสนิท เขากำลังทำภาพยนตร์เรื่อง “วิธีคนกล้า” เลยไม่มีใครมาดูแลตรงนี้ ผู้ใหญ่เลยให้ผมมาดูแลตรงนี้ครับ ผมเลยขอเสนอไอเดียใหม่กับพี่เล็ก บุษบา ดาวเรือง เขาบอกว่าได้เลย เสนอมาได้เลย ตอนนั้นผมเลยเสนอทำละครเรื่องแรกคือเรื่อง “นางฟ้าสีรุ้ง” และต่อด้วยเรื่อง “3หนุ่ม3มุม” พอเรื่อง “3หนุ่ม3มุม” ออกแอร์ก็ได้รับความนิยมมีทำให้เรามีชื่อเสียงมากขึ้นครับ

 

ManGu : ในช่วงที่มาร่วมงานกับทาง GMM GRAMMY ตรงจุดนี้ทำให้คุณจุดประกายในการเปิดบริษัท EXACT หรือไม่

TAKONKIET : ใช่ครับ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ทำซิตคอมเรื่อง “3หนุ่ม3มุม” พอซิตคอมเรื่องนี้ได้รับผลตอบรับที่ดี ผมก็เริ่มมีความสนใจที่จะเปิดบริษัท EXACT เลยชวนทาง GRAMMY มาร่วมหุ้นกันครับ

 

ManGu : ช่วยเล่าประสบการณ์การผลิตละครเรื่องแรกของคุณ

TAKONKIET : ผมทำละครเรื่องแรกคือเรื่อง “รักในรอยแค้น” เป็นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเยอะมาก พอออกอากาศช่วงแรก คนดูน้อยมาก อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นมีเวลาเตรียมตัวน้อย เรียกได้ว่าถ่ายละครไป ออนแอร์ไป ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้กระแสหรือฟีดแบคว่าเป็นอย่างไร แต่เราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำละครเรื่องนี้ให้ดีที่สุด จนกระทั่งช่วงท้ายๆเรื่อง มีคนพูดถึงและเป็นกระแสมาก อาจจะเป็นเพราะพล็อตเรื่องที่แปลกกว่าละครเรื่องอื่นในสมัยนั้น และองค์ประกอบศิลป์ที่ครบ เลยทำให้ละครเรื่องนี้มีชื่อเสียงมากขึ้นครับ

ManGu : สไตล์ละครของบริษัท EXACT และค่ายอื่นแตกต่างกันอย่างไร

TAKONKIET : แตกต่างกันครับ เพราะเนื่องด้วยเราไม่มีแพลตฟอร์มในการออกอากาศเหมือนคนอื่น งานของเราที่ออกอากาศ บทบาท โปรดักชั่น เลยต้องเข้มกว่าช่องอื่นครับ

 

ManGu : การเปลี่ยนจาก EXACT เป็นช่อง ONE31 รู้สึกว่าเป็นโอกาสอันดีหรือไม่ที่ได้มีช่องออกอากาศเป็นของตัวเอง

TAKONKIET : ใช่ครับ เพราะถ้าเราได้ผลิตละครในช่วง Prime Time แต่ถ้าไม่มีช่องที่จะสามารถวางผังการออกอากาศด้วยตัวเองได้ ก็จะค่อนข้างยาก พอเปลี่ยนช่วงเป็นทีวียุคดิจิตอล ถามว่ากลัวไหม เราก็ตั้งคำถามในใจที่ผ่านมาเราเป็นใคร จนได้ข้อสรุปว่า เราเป็นคนทำคอนเทนต์ แต่ตอนนี้เรามีช่องทีวีเป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้นเราต้องบริหารช่องให้ดี แต่สุดท้ายคอนเทนต์มันไม่ตาย เราก็ต้องทำคอนเทนต์ให้ถูกตามทิศทาง บางทีคอนเทนต์นี้ดีในทีวี ก็วางให้ออนแอร์ในทีวี บางทีคอนเทนต์นี้ดีในช่องออนไลน์ ก็วางในช่องออนไลน์ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีช่องที่หลากหลาย เราไม่สามารถปิดกั้นได้ เราต้องยอมรับในจุดนี้ เราเพียงแค่ต้องสร้างสรรค์คอนเทนต์ดีๆเพื่อให้ผู้บริโภคช่อง ONE31 เลยกลายเป็นช่องที่มีความทันสมัยและมีความ Mass อยู่ในตัวครับ

ManGu : การบริหารบริษัท EXACT และการบริหารช่อง one31 แตกต่างกันอย่างไร

TAKONKIET : เราต้องรอบรู้มากขึ้น ทั้งในแง่ของโปรดักชั่น กลยุทธ์ในการออกอากาศ อาจจะดูเหมือนกัน แต่ที่จริงแตกต่างกันครับ

ManGu : ช่วงที่เปลี่ยนมาเป็นช่อง ONE31 เรียกว่าเป็นช่วงที่หนักที่สุดหรือไม่

TAKONKIET : ใช่ครับ ด้วยวิธีการทำงานที่ต้องเปลี่ยนใหม่ วิธีคิดที่ต้องเปลี่ยนใหม่ วิธีการมองที่ต้องเปลี่ยนใหม่ เราเลยต้องมองว่าอนาคตจะเดินไปในทิศทางไหน เพราะช่วงที่เปลี่ยนเราก็ไม่รู้ว่ามันจะเดินไปทางไหน เหมือนถ้าเราออกทะเลไปก็เจอแต่หมอกปกคลุม อีกทั้งในเรื่องของการเงินก็หนักเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะมองเห็นทางลางๆ เราก็ต้องเทหมดหน้าตักเหมือนกัน แต่เราก็มีความเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในทีมงาน มีความเชื่อตรงนั้น จนเราผ่านมาได้ด้วยดีครับ

 

ManGu : คุณใช้เวลานานไหมในการก้าวผ่านช่วงนั้น

TAKONKIET : นานเหมือนกันครับ แต่ด้วยสิ่งที่เราทำมีคนมองเห็น ดีใจครับที่ทีมงานยังอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นถือเป็นช่วงยากลำบากมาก เราก็ไปต่อด้วยการเรียนผิดเรียนถูก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราเห็นการเปลี่ยนของโลก สังคม

ManGu : ทั่วโลกมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตซีรีส์วายอันดับหนึ่ง คุณคิดว่าในอนาคตซีรีส์วายยังไปต่อได้มากแค่ไหน

TAKONKIET : ปัจจุบันมีซีรีส์วายเยอะมากขึ้น คนดูก็มีตัวเลือกมากขึ้น เราก็ต้องทำให้ดีมากยิ่งครับ แต่ถึงแม้ว่าเราจะเป็นอันดับต้นๆในการผลิต หรือเป็นประเทศแรกที่การผลิต เราก็ต้องทำให้ดีมากกว่าเดิม รอบคอบมากกว่าเดิม

 

ManGu : ช่วยเล่าการสร้างโรงละครรัชดาลัยเธียเตอร์

TAKONKIET : ตอนที่ผมเรียนจบ สิ่งที่ผมต้องทำคือการสร้างละครเวทีในไทยให้ได้ ใช้เวลาประมาณ7 ปีในการหาลู่ทาง หาบุคลากร จนทำเร่องแรกคือเรื่อง “วิมานเมือง” จัดที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และเรื่องต่อไปคือเรื่อง “บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัล” และเรื่อง “ทวิภพ เดอะมิวสิคัล” เราก็อยากทำให้ต่อเนื่องและอยากให้ทางบุคลากรมีพื้นที่ในการแสดงความสามารถ เราเลยตัดสินใจในการสร้างเอง จึงเกิดเป็น โรงละครรัชดาลัยเธียเตอร์

ManGu : เกณฑ์ในการคัดเลือกนักแสดงของคุณคืออะไร

TAKONKIET : หลากหลายองค์ประกอบมากเลยครับ แต่สิ่งที่เราคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือคนที่มีทัศนคติที่ดี ความสามารถ วินัยครับ

ManGu : สุดท้ายมีอะไรอยากบอกแฟนๆที่ติดตามผลงานของคุณ

TAKONKIET : ขอบคุณที่คอยซัพพอร์ตพวกเรามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นทั้งในช่อง ONE31 , GMM25 , CHANGE2561 หรือช่องในเครือ The One Enterprise หวังว่าในปีนี้แฟนๆจะได้เห็นคอนเทนต์หรือละครของเราที่หลากหลายมากขึ้น ขอบคุณทุกคนมากๆครับ

 

Thank you.

Takonkiet Viravan / ถกลเกียรติ วีรวรรณ

IG : @boytakonkiet

Facebook : ช่อง one31

IG : @one31thailand

Twitter : one31thailand

Youtube : one31

 

Make Up : Kanniput Sananwong @hollyhua

Hair : Paiboon Chencharatwet @auddy_paiboon

 

Photographer : Black Gold Entertainment

Graphic Designer : Satamed Kunawattana @Pdillustrator

Coordinator : Patthanapong Polpiboon @plyyp

Column Writer : Zou SiYi @joy_ss97 / Patthanapong Polpiboon @plyyp

  

You can share this post!

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 232 (15th May 2022) สัมภาษณ์ คุณฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ นักแสดงชายยอดเยี่ยมและรางวัลละครส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมไทย จากละครเรื่อง “รักแลกภพ” งาน Siam Series Awards

MANGU E-Magazine Cover Story Issue 230 (15th April 2022) สัมภาษณ์ เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์ และ มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง นักแสดงนำจากละคร "ซ่านเสน่หา"